กลับไปรายการกระดานข่าว ตอบกลับ โพสใหม่
มาตรฐานการจัดเก็บสารเคมีไวไฟ 29 CFR 1910.106

         จากการปฏิวัติอุตสาหกรรมการใช้สารเคมีที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้นนี้จึงทำให้มีโอกาสในการเกิดอันตรายเกี่ยวกับสารเคมีเหล่านี้มากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงอันตรายกับสุขภาพของคนงานและทรัพย์สิน
         อันตรายอย่างหนึ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้คือการลุกไหม้ในการป้องกันเพลิงไหม้ของเหลวอันตรายเหล่านี้จะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษในการจัดเก็บการจัดการและการใช้  หน่วยงานป้องกันเพลิงไหม้แห่งชาติ National FireProtection Agency (NFPA) และ International Code Council(ICC)ได้กำหนดรหัสเกี่ยวกับเพลิงไหม้และแนวทางการจัดเก็บที่ปลอดภัยและการใช้ของเหลวที่ไวไฟและติดไฟได้  แนวทางเหล่านี้ไม่ใช่ข้อบังคับ นอกจากรัฐบาล, รัฐหรือหน่วยงานท้องถิ่นเลือกนำมาบังคับใช้  ในทางตรงกันข้ามหน่วยงานเพื่อสุขภาพและความปลอดภัยในหารทำงาน (OSHA)ได้ปรับปรุงข้อบังคับสำหรับอุตสาหกรรมทั่วไป (29 CFR 1910.106), อุตสาหกรรมก่อสร้าง (29 CFR 1926.152) และอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือ (29 CFR 1915.36) เอกสารนี้มีวัตถุประสงค์ในการกล่าวถึงข้อกำหนดของอุตสาหกรรมโดยทั่วไปเท่านั้น

ไวไฟหรือติดไฟ?
         เพื่อทำความเข้าใจกับข้อกำหนดของ OSHAสำหรับการจัดเก็บของเหลวที่ไวไฟและติดไฟได้เราจะต้องเริ่มโดยการแยกความหมายของสองคำนี้ก่อน ของเหลวไวไฟคือของเหลวที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า 100° F (37.8° C)(ยกเว้นส่วนผสมที่มีส่วนประกอบที่มีจุดวาบไฟที่ 100° F (37.8° C)หรือสูงกว่า , และมีปริมาณรวมไม่เกิน 99เปอร์เซ็นต์ของส่วนผสม)(1910.106(a)(19)).ของเหลวไวไฟถูกแบ่งออกได้เป็นสามกลุ่มดังต่อไปนี้

Class IA
ของเหลวที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า 73° F (22.8° C) และมีจุดเดือดต่ำกว่า 100°F(37.8°C) (1910.106(a)(19)(i)) ตัวอย่างเช่น อะเซทาลดีไฮด์ , เอธิลอีเทอร์ และ ไซโคลเฮกเซน

Class IB
ของเหลวที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า 73° F (22.8° C)และมีจุดเดือดเท่ากับหรือสูงกว่า 100° F (37.8°C) (1910.106(a)(19)(ii))ตัวอย่างเช่น อะซีโตน , เบนซิน, และโทลูอีน

Class IC
ของเหลวที่มีจุดวาบไฟเท่ากับหรือสูงกว่า 73° F (22.8° C) และต่ำกว่า 100° F(37.8°C) (1910.106(a)(19)(iii)) ตัวอย่างเช่น ไฮดราซีน , สไตรีน และเทอร์เพนทีน ของเหลวที่ติดไฟได้คือของเหลวที่มีจุดวาบไฟเท่ากับหรือสูงกว่า  100° F (37.8°C) (1910.106(a)(18)) ของเหลวที่ติดไฟได้ถูกแบ่งออกเป็นสองแบบ

Class II
ของเหลวที่มีจุดวาบไฟเท่ากับหรือสูงกว่า 100° F (37.8° C) และต่ำกว่า  140° F(60° C), ยกเว้นส่วนผสมที่มีจุดวาบไฟเท่ากับหรือสูงกว่า 200°F (93.3°C)ซึ่งมีปริมาณในส่วนผสมเท่ากับหรือมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์โดยปริมาตร(1910.106(a)(18)(i)) ตัวอย่างเช่น กรดอะซิติก , นาล์ฟทาและตัวทำละลายสตอดดาร์ด เป็นต้น


Class III
ของเหลวที่มีจุดวาบไฟเท่ากับหรือมากกว่า 140°F (60°C) (1910.106(a)(18)(ii)) ของเหลวคลาส  III ถูกแบ่งย่อยได้เป็นอีกสองคลาสย่อยคือ


Class IIIA
ของเหลวที่มีจุดวาบไฟเท่ากับหรือสูงกว่า 140°F (60°C) และต่ำกว่า 200°Fยกเว้นส่วนผสมที่มีส่วนประกอบที่มีจุดวาบไฟที่ 200°F (93.3°C) หรือสูงกว่าและมีปริมาตร 99 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่าในส่วนผสมนั้น(1910.106(a)(18)(ii)(a)) ตัวอย่างเช่น ไซโคลเฮกซานอล , กรดฟอร์มิกและไนโตรเบนซีน

Class IIIB
ของเหลวที่มีจุดวาบไฟเท่ากับหรือสูงกว่า 200°F (93.3°C) (1910.106(a)(18)(ii)(b)) ตัวอย่างเช่น ฟอร์มาลีน และกรดพิคริค

*จากหัวข้อ 1910.106(a)(18)(ii)(b) ของเหลวในClass IIIBจะรวมไปถึงของเหลวที่มีจุดวาบไฟเท่ากับหรือสูงกว่า 200°F (93.3°C) ในเอกสารส่วนนี้จะไม่รวมถึงของเหลวClass IIIBถ้ามีการกล่าวถีงของเหลวClass III ในที่นี้จะหมายถึงเฉพาะของเหลว ClassIIIA  เท่านั้น (ของเหลวClass IIIB ในเอกสารนี้ใช้ในการอ้างอิงเท่านั้น)

*หมายเหตุ : เมื่อของเหลวที่ติดไฟได้ถูกให้ความร้อนถึง 30°F (16.7°C)ของจุดวาบไฟ มันจะต้องถูกตัดการตามข้อกำหนดของของเหลวคลาสที่ต่ำกว่าถัดไป(1910.106(a)(18)(iii)).จุดวาบไฟและจุดเดือดจะบอกถึงคลาสของของเหลวอย่างไรก็ตามไม่ควรใช้สิ่งนี้เป็นเกณฑ์ในการบอกถึงความเป็นอันตรายของของเหลวแต่เพียงอย่างเดียว มีปัจจัยอื่นๆอีกหลายประการที่ควรจะนำมาพิจารณาสำหรับการใช้และการจัดเก็บของเหลวที่เหมาะสม ปัจจัยเหล่านี้รวมถึง อุณหภูมิจุดระเบิด , ระดับการระเบิด (LEL หรือUEL), ความดันไอ, ความถ่วงจำเพาะ และความหนาแน่นของไอ

ถังบรรจุที่ปลอดภัย (Safety Storage)

           


เทคนิคอย่างหนึ่งในการลดอันตรายที่เกี่ยวกับของเหลวไวไฟและติดไฟได้คือการใช้ถังบรรจุที่ปลอดภัย  OSHA ได้ให้คำนิยามของถังบรรจุที่ปลอดภัยว่า“ภาชนะบรรจุที่ได้รับการอนุมัติใช้ และความจุไม่เกิน 5 แกลลอนมีฝาปิดที่มีสปริงและมีแผ่นกั้นบริเวณปากถังและถูกออกแบบให้มีที่ระบายแรงดันกรณีที่อยู่ภายใต้ไฟ” (1910.106(a)(29)) คำนิยามนี้ทำให้มีถังบรรจุที่หลากหลายที่ได้รับการตีความว่าเป็นถังบรรจุที่ปลอดภัยอย่างไรก็ตามกฎหมายท้องถิ่นหลายๆแห่งและบริษัทประกันภัยได้กำหนดให้ถังบรรจุจะต้องผ่านการรับรองโดยองค์กรด้านโรงงานอุตสาหกรรม Factory Mutual (FM) หรือรับรองโดยห้องปฏิบัติการ Underwriter Laboratory(UL)องค์กรทั้งสองนี้เป็นองค์กรอิสระที่มีห้องปฏิบัติการที่ได้รับความเชื่อถือซึ่งผู้ผลิตได้ส่งสินค้าเข้าไปตรวจสอบเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดความปลอดภัยในการใช้งานและตรงกับงานถังบรรจุที่สอดคล้องกับข้อกำหนดจะได้รับการรับรองจากทั้ง FM และ UL  ห้องปฏิบัติการทั้งสองแห่งยังได้รับการรับการยอมรับจาก OSHA

นอกเหนือจากการจัดเก็บของเหลวที่ไวไฟและติดไฟได้ในภาชนะบรรจุที่ปลอดภัย,ข้อกำหนดหมายเลข 29 CFR 1910.106ยังได้จำกัดปริมาณของของเหลวในภาชนะแต่ละถังตารางต่อไปนี้แสดงปริมาณของเหลวที่ยอมให้บรรจุสำหรับของเหลวแต่ละคลาส



ขนาดใหญ่ที่สุดที่ยอมได้ของภาชนะบรรจุและถังโลหะ



ชนิดของถังบรรจุ



ของเหลวไวไฟ



ของเหลวติดไฟ



คลาส IA



คลาส IB



คลาส IC



คลาส II



คลาส III


แก้วหรือพลาสติกที่ได้รับอนุมัติ

1 ควอท
1 ควอท
1 แกลลอน

1 แกลลอน

1 แกลลอน

โลหะ(ที่ไม่ใช่ถังแบบ DOT)
1 แกลลอน.
5 แกลลอน

5 แกลลอน

5 แกลลอน

5 แกลลอน

ถังบรรจุที่ปลอดภัย

2 แกลลอน

5 แกลลอน

5 แกลลอน

5 แกลลอน

5 แกลลอน

ถังโลหะ (ตามข้อกำหนด DOT)
60 แกลลอน

60 แกลลอน

60 แกลลอน

60 แกลลอน

60 แกลลอน

ถังโลหะแบบพกพาที่ได้รับอนุมัติ

660 แกลลอน

660 แกลลอน

660 แกลลอน

660 แกลลอน

660 แกลลอน


ข้อยกเว้นสำหรับกฎนี้
• ยา , เครื่องดื่ม , อาหาร , เครื่องสำอาง และสินค้าอุปโภคที่คล้ายคลึงกัน หากได้รับการบรรจุหีบห่อตามที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป

ข้อกำหนดหมายเลข 29 CFR 1910.106ยังได้จำกัดปริมาณของของเหลวที่เก็บอยู่นอกตู้หรือห้องเก็บ ปริมาณของของเหลวที่สามารถเก็บภายนอกห้องเก็บหรือตู้ในพื้นที่อาคารจะต้องไม่เกินปริมาณต่อไปนี้

• 25 แกลลอน สำหรับของเหลว คลาส IA ในภาชนะบรรจุ
•120 แกลลอน สำหรับของเหลว คลาส IB, IC, II หรือ III ในภาชนะบรรจุ
•660 แกลลอน สำหรับของเหลว คลาส  IB, IC, II หรือ III liquids ในถังบรรจุเดี่ยวแบบพกพา

ปริมาณของของเหลวที่จัดเก็บและตำแหน่งของตู้เก็บอยู่ในข้อบังคับหมายเลข 1910.106(d)(3) ซึ่งระบุว่า “ไม่ให้เก็บของเหลวคลาส I หรือคลาส II เกินจำนวน 60แกลลอน หรือของเหลวคลาส III เกินจำนวน 120 แกลลอน ในตู้เก็บ”  และตามข้อกำหนดหมายเลข NFPA 304.3.2ให้มีตู้สำหรับจัดเก็บไม่เกินสามตู้ในพื้นที่เสี่ยงต่อเพลิงไหม้พื้นที่เดียวกัน


ตู้จัดเก็บสารไวไฟ Flammable Storage Cabinet Requirements

            


พื้นฐานในการป้องกันไฟอีกอย่างหนึ่งคือการใช้ ตู้จัดเก็บสารไวไฟ   NFPA, OSHAและ UFC ได้กำหนดให้ตู้จัดเก็บสารไวไฟได้รับการออกแบบและสร้างตามข้อกำหนด ข้อกำหนดหมายเลข 1910.106(d)(3)(ii)(a) ได้ระบุว่าตู้โลหะจะต้องสร้างตามลักษณะดังนี้

• ด้านล่าง, ด้านบน และด้านข้างของตู้จะต้องใช้แผ่นเหล็กอย่างน้อยเบอร์ 18
• ตู้จะต้องมีผนังสองชั้นและมีช่องว่างอากาศ 1 ½ นิ้ว
• ต้องยึดรอยต่อด้วยหมุด , การเชื่อม , หรือทำให้แน่นโดยวิธีการที่เทียบเท่ากันนี้
• ประตูจะต้องมีจุดยึดสามจุด
• ประตูจะต้องมีร่องพับขึ้นอย่างน้อย 2 นิ้วเหนือแนวล่างสุด เพื่อเห็บของเหลวที่อาจกระเด็นให้อยู่ภายในตู้เก็บ
• ตู้เก็บจะต้องมีป้ายแจ้งว่า  “ไวไฟ ห้ามนำไฟเข้ามาใกล้”

ข้อบังคับนี้ มีข้อกำหนดสำหรับตู้เก็บที่ทำด้วยไม้ ข้อกำหนดหมายเลข 1910.106(d)(3)(ii)(b) ระบุว่า ตู้เก็บที่ทำด้วยไม้จะต้องสร้างโดยมีลักษณะดังนี้

• ผนังด้านล่าง, ด้านบน และด้านข้างของตู้เก็บจะต้องทำด้วยไม้อัดซึ่งเป็นเกรดสำหรับใช้ภายนอกและหนาอย่างน้อย 1 นิ้ว
• ไม้อัดจะต้องไม่แตกออกจากกันหรือแยกออกขณะเกิดเพลิงไหม้
• ข้อต่อจะต้องมีการบากและยึดด้วยสกรูไม้ที่มีหัวเรียบทั้งสองทิศทาง
• หากใช้ประตูสองบาน จะต้องมีรอยทาบซ้อนกันไม่น้อยกว่า 1 นิ้ว
• ประตูจะต้องมีกลอนและบานพับที่ไม่หลวมเมื่อเกิดเพลิงไหม้
• ฐานของประตูหรือถาดควรจะถูกยกพับขึ้นอย่างน้อย 2 นิ้ว เหนือพื้นตู้ เพื่อเก็บของเหลวที่กระเด็นให้คงอยู่ภายในตู้
• ตู้เก็บจะต้องมีป้ายแจ้งว่า  “ไวไฟ ห้ามนำไฟเข้ามาใกล้”

นอกเหนือจาก ข้อกำหนดตามที่ได้กล่าวมาด้านบน UFC ( Uniform Fire Code)ยังกำหนดให้ใช้ประตูที่ปิดเองได้องค์กรท้องถิ่นหลายๆแห่งก็ใช้มาตรฐานนี้ในการสร้างข้อกำหนดขึ้นมาใช้ในท้องถิ่นเอง

พื้นที่เสี่ยงต่อเพลิงไหม้

OSHAไม่ได้ให้คำนิยามความหมายของพื้นที่เสี่ยงต่อเพลิงไหม้มาในมาตรฐาน ,อย่างไรก็ตาม พื้นที่เสี่ยงต่อเพลิงไหม้ได้ถูกกำหนดโดย NFPA Code 30(1.6.15) ว่า “พื้นที่ของอาคารที่แยกจากพื้นที่อื่นๆ โดยการก่อสร้างสามารถต้านทานไฟได้อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงและอุปกรณ์สื่อสารจะต้องถูกป้องกันอย่างเหมาะสมโดยสามารถทนต่อไฟไหม้อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง

นอกจากนี้ NFPAยังได้ให้จัดให้มีการแบ่งกลุ่มของตู้เก็บสารไวไฟในโรงงานอุตสาหกรรมเนื่องจากในโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ไม่มีผนังกั้นระหว่างแต่ละส่วน“ในโรงงานอุตสาหกรรม, ตู้ที่มีเพิ่มเติมสามารถตั้งไว้ในพื้นที่เดียวกันได้ถ้าตู้หรือกลุ่มของตู้ที่เพิ่มขึ้นมามีไม่มากกว่าสามตู้และวางแยกห่างจากตู้หรือกลุ่มตู้อื่นๆ อย่างน้อย 100 ฟุต (30 เมตร) ( ข้อ4.3.2 ข้อยกเว้นที่ 1)


คำถามที่ถูกถามบ่อย

ถาม

เมื่อทำการจ่ายของเหลวไวไฟ
ฉันจำเป็นจะต้องใช้สายผูกยึดหรือต่อสายดินหรือไม่
?

ตอบ

ตามข้อกำหนดหมายเลข 1910.106(e)(6)(ii), จำเป็นต้องใช้สายผูกยึดหรือสายดินกับของเหลวคลาส
I
เท่านั้น , อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยของท่าน ควรต่อสายดินเสมอเมื่อทำการจ่ายของเหลวไวไฟหรือของเหลวที่ติดไฟได้

ถาม

ฉันจำเป็นจะต้องมีตู้เก็บสารไวไฟหรือไม่ ?

ตอบ


OSHA ไม่ได้กำหนดให้จะต้องใช้ตู้เก็บสารไวไฟนอกจากจำนวนรวมของของเหลวไวไฟหรือของเหลวที่ติดไฟได้มีมากกว่าที่กำหนดองค์กรท้องถิ่นหรือบริษัทประกันอาจกำหนดให้ใช้ตู้เก็บสารไวไฟในปริมาณสารที่น้อยกว่าข้อกำหนดของ OSHA

ถาม

อะไรคือข้อแตกต่างของถังบรรจุที่ปลอดภัยแบบ I และแบบ II ?

ตอบ

ถังบรรจุที่ปลอดภัยแบบ I สามารถมีปากถังที่ใช้รินออกหรือเติมของเหลวเข้าไปที่เดียวกันได้
ถังบรรจุที่ปลอดภัยแบบ II จะมีช่องเปิดสองที่ สำหรับรินออกหนึ่งช่องและสำหรับเติมหนึ่งช่อง

ถาม

ที่ดักจับเปลวไฟคืออะไรละมีหน้าที่อะไร?

ตอบ

ที่ดักจับเปลวไฟคือตาข่ายหรือแผ่นโลหะที่ถูกเจาะให้เป็นรูและใส่ไว้ในภาชนะเก็บสารไวไฟ(เช่นถังบรรจุที่ปลอดภัย, ตู้)ซึ่งป้องกันสิ่งที่อยู่ภายในจากเปลวไฟหรือประกายไฟภายนอก
มันยังสามารถระบายความร้อนได้ ถังบรรจุแบบ
I และแบบ II และถังแบบพิเศษจะมีที่ดักจับเปลวไฟรวมอยู่ด้วย

ถาม

ตู้เก็บสารไวไฟจำเป็นต้องมีการระบายอากาศทางกลหรือไม่ ?

ตอบ

OSHA
ไม่ได้กำหนดให้ใช้การระบายอากาศโดยทางกล
NFPA แนะนำให้ใช้การระบายอากาศโดยทางกลแต่จะต้องระบายอากาศโดยสอดคล้องกับ NFPA 91 ระบบระบายไอเสียสำหรับสารที่แพร่กระจายในอากาศ


ดูรายเอียดสินค้าเพิ่มเติมที่ http://www.siamsafetyplus.com
ข้อมูลจาก thai-safetywiki
บริษัท สยามเซฟตี้พลัส จำกัด อุปกรณ์เซฟตี้ |อุปกรณ์ความปลอดภัย|Safety Shoes  
กลับไปรายการกระดานข่าว

เพื่อนบ้าน :อุปกรณ์ความปลอดภัย,safety shoes,safety footwear,กลูต้า