Board logo

ชื่อกระทู้: รู้มั้ย...หนัง PU Leather คืออะไร [พิมพ์หน้านี้]

โดย: siamsafetyplus    เวลา: 2010-3-22 11:09     ชื่อกระทู้: รู้มั้ย...หนัง PU Leather คืออะไร

รู้มั้ย...หนัง PU คืออะไร

"ทุกวันนี้สิ่งที่อยู่รอบกายคนเรานั้นนอกจากผ้าซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้นำมาทำเป็นเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มแล้ว ผลิตภัณฑ์เครื่องหนังก็ถือว่าเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวพวกเราไม่แพ้กัน" หนังซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเครื่องหนังนั้นมีอยู่หลายประเภทและหลายคุณภาพ เราอาจจะไม่รู้ว่าในเครื่องหนังนั้น ๆ มิใช่มีเพียงหนังแท้ที่ได้มาจากหนังสัตว์ แต่ยังมีหนังที่ผลิตจากพลาสติกซึ่งมีลวดลายของหนังแท้เข้ามาทดแทนมากมาย และเข้ามามีส่วนสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมเครื่องหนังให้ก้าวเดินไป
หนังแท้ทั้งหมดหลัก ๆ มีอยู่ด้วยกัน 4 ประเภทดังนี้
1. หนัง Full grain ซึ่งหนังชั้นแรกมีลวดลายของหนังสัตว์ธรรมชาติอยู่ หลังจากผ่านกระบวนการฟอกหนังแล้วจะมาทำการแต่งโดยการพ่นเงาเน้นลวดลายของตัวหนังเองขึ้นมา หนังประเภทนี้เหมาะสำหรับนำไปผลิตเป็นหนังหน้าของผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง
2. หนัง Split เป็นหนังที่อยู่ชั้นกลางซึ่งโครงสร้างของเนื้อหนังยังคงมีโครงสร้างที่ดีจึงนำไปผลิตเป็นหนัง Nubuck หรือ Suede และยังสามารถนำไปโค๊ตพียูเพื่อสร้างลวดลายเทียมขึ้นได้ หนังประเภทนี้เหมาะสำหรับนำไปใช้เป็นหนังหน้าในการผลิตเครื่องหนัง
3. หนัง lining คือหนังชั้นสุดท้าย โครงสร้างไม่เหมาะสำหรับนำไปทำหนังหน้าซึ่งส่วนใหญ่จะถูกนำไปทำซับในในผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง
4. หนัง bonded leather คือเศษหนังที่ถูกกักไว้ในขั้นตอนการตัดหนัง Full grain, Split และ Lining นำไปผสมกับกาวและนำมาทำเป็นม้วนหรือแผ่น หลังจากนั้นก็ผ่านการโค๊ตด้วยพียู หนังประเภทนี้สามารถนำไปใช้ในทุกส่วนของผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง
หนังเทียมมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท หนังพียู หนังเซมิพียู และหนังพีวีซี แต่ในที่นี้เราจะมาพูดถึงหนังเทียมที่มีคุณสมบัติ การสัมผัสเหมือนหนังแท้มากที่สุดและดีที่สุดในบรรดาหนังเทียมทั้งหมด นั่นก็คือ "หนังเทียมพียู" หนังเทียมประเภทพียู มีขั้นตอนการผลิตที่สะอาด ไร้มลพิษตกค้างในผลิตภัณฑ์ จึงทำให้แม้กระทั่งของเล่นเด็กที่ขายกันในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วเช่นประเทศทางยุโรป ญี่ปุ่น อเมริกา ฯลฯ ใช้พลาสติกประเภทพียูเป็นวัตถุดิบในการผลิต แม้กระทั่งหนังเทียมพียูจะมีราคาสูงและมีอายุการใช้งานซึ่งจะเสื่อมและย่อยสลายไปเอง แต่ทุก ๆ คนก็ยังพึงพอใจในคุณภาพและเลือกใช้หนังเทียมพียูในสินค้าหลายประเภทที่มีอยู่ในท้องตลาดปัจจุบ้นนี้ และความต้องการก็ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการรณรงค์ต่อต้านการฆ่าสัตว์หลายประเภทหรือการรณรงค์ต่อต้านมลภาวะสิ่งแวดล้อม ทั้ง 2 ปัจจัยเป็นแรงผลักดันให้ความต้องการของหนังเทียมพียูนี้สูงขึ้นทุกวัน
หนังเทียมพียูมีด้วยกัน 2 ประเภท คือ แบบอบแห้ง dry process และแบบผ่านน้ำ wet process ซึ่งแบ่งแยกตามรูปแบบของการผลิต หนังเทียมพียูแบบอบแห้ง Dry process มี 3 ชั้นคือ ชั้นสี ชั้นกาว และชั้นผ้า ในหนังเทียมพียูแบบผ่านน้ำ Wet process ก็มี 3 ชั้นเช่นเดียวกันแต่ในชั้นผ้านั้นจะนำไปโค๊ตหรือเคลือบด้วยเนื้อพียูก่อนเพื่อให้เนื้อสัมผัสเหมือนหนังแท้ยิ่งขึ้น ซึ่งในขั้นตอนการเคลือบหรือโค๊ตด้วยเนื้อพียูบนผ้านั้นต้องผ่านน้ำเพื่อสร้างเนื้อพียู เครื่องเคลือบหรือโค๊ตพียูบนผ้าที่ต้องผ่านน้ำเรียกว่าเครื่อง Wet process ดังนั้นหนังเทียมพียูที่ใช้ผ้าที่ผ่านกรรมวิธีจากเครื่องนี้จึงเรียกว่า หนังเทียมพียูประเภท Wet process แต่ละประเภทของเครื่องหนังต้องการหนังเทียมพียูไปใช้งานในลักษณะแตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกชนิดของเนื้อพียูมาใช้งานจึงแตกต่างกัน เนื้อพียูมีด้วยกัน 3 ประเภทคือ Polycarbonate based PU, Polyether based PU และ Polyester based PU
หนังเทียมที่เป็นประเภท Polycarbonate based PU นั้นจะมีอายุการใช้งานได้นานถึง 20 ปีและมีความทนกรดด่างสูง
หนังเทียมที่เป็นประเภท Polyether based PU นั้นจะมีอายุการใช้งานได้นานถึง 7 ปีและมีความทนกรดด่างสูง
หนังเทียมที่เป็นประเภท Polyester based PU นั้นเป็นที่นิยมที่สุดเหมาะสำหรับสินค้าแฟชั่นซึ่งประเภทนี้อยู่นานถึง 3 ปี มีความทนกรดด่างพอควร แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งาน เนื่องจากมีการใช้เนื้อพียูประเภทนี้สูงจึงทำให้เนื้อพียูประเภทนี้ราคาไม่สูง
ในภาวการณ์แข่งขันที่สูง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีหลายโรงงานลดต้นทุนมากจนลืมสามัญสำนึกในการเป็นผู้ผลิตสินค้าที่ดี ใช้วัสดุในการผลิตที่ไม่มีคุณภาพทำให้มาตรฐานไม่ถึง สีคุณภาพต่ำทำให้เวลาโดนแดดแล้วสีเปลี่ยนโดยเฉพาะสีขาวถ้าไม่ใช้สีที่ดีแล้วเวลาเก็บไว้แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง การลดต้นทุนโดยใช้วัสดุ Filler หรือพวกเยื่อไม้ Cellulose ชนิด long fibre ซึ่งราคาถูกกว่าเนื้อพียูกว่าครึ่ง หรือพวกคัลเซี่ยมที่ได้จากการระเบิดหินภูเขาซึ่งกิโลละประมาณ 4 บาท ในขณะที่เนื้อพียูราคากว่าร้อยบาทต่อกิโลกรัม เมื่อผสมไปในส่วนผสมอย่างไร้มาตราฐานแล้วจะทำให้อายุการใช้งานและการทนกรดด่างน้อยลงซึ่งสินค้าเหลืออยู่แค่ 3-4 เดือนก็เสื่อม หลายกรณีนี้เกิดขึ้นกับสินค้าที่มาจากประเทศจีนซึ่งจากที่ได้เดินทางไปดูตลาดและเยี่ยมชมหลายโรงงานที่นั่นได้พบว่ามีการลดต้นทุนกันมาก บางบริษัทเอาเทปกาวแปะและดึงออกเนื้อก็หลุดออกมาแล้ว นั่นแสดงว่าเนื้อพียูไม่มีแรงยึดเกาะที่ดี หรือไม่ก็ลองฉีกดูบางบริษัทฉีกขาดได้ง่ายราวกับกระดาษ นั่นหมายความว่าเป็นการลดต้นทุนในเรื่องราคาผ้าทำให้โครงสร้างผ้าไม่ดี นี่เป็นแค่บางตัวอย่างที่ยกมาให้ดูกัน เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรมองเรื่องราคาเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจเลือกซื้อหนังเทียมพียู หนังเซมิพียูก็คือหนังเทียมที่เหมือนหนังเทียมที่เหมือนหนังเทียมพียู wet process เพียงแต่ว่าชั้นผ้าที่ผ่าการเคลือบเนื้อพียูจะมาใช้เป็นพีวีซีแทน ยังคงชั้นสีและกาวเป็นพียูเพื่อรักษาสัมผัสของความเหมือนหนังแท้ของพียูอยู่ หนังพีวีซีคือหนังเทียมราคาถูกที่สุดในหมู่หนังเทียมทุกชนิด
หนังเทียมเซมิพียูและพีวีซีมีกลุ่มคนที่ต้องการของราคาถูกและความเป็นพีวีซีเองก็เหมาะสมในการใช้งานในหลายอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามพีวีซีก็เป็นหนังเทียมที่มีมลภาวะในตัวพีวีซีเองซึ่งในหลายประเทศไม่สามารถส่งออกไปได้ ถ้าจะเลือกใช้หนังเทียมเพื่อการส่งออกก็ควรคำนึงถึงข้อนี้ด้วย และก็ยังมีอีกหลายข้อสำหรับผู้ส่งออก ควรศึกษาข้อมูลให้ดีเช่นหลายประเทศไม่ให้นำเข้าบางสารพิษหรือสารหนักต่าง ๆ ที่แฝงอยู่ในสีหรือการฟอกย้อมผ้า ฯลฯ เช่นสาร AZO ตะกั่ว ฯลฯ




ยินดีต้อนรับสู่ คลังความรู้ด้านความปลอดภัย Safety Shoe Safety Knowledge Center (http://www.siamsafetyplus.com/forum/) Powered by Discuz! 7.0.0