กลับไปรายการกระดานข่าว ตอบกลับ โพสใหม่
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นผู้ป่วยหมดสติ
              
         
     "การหมดสติ"
เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการหมดสตินั้นจะสามารถนำไปสู่การเสียชีวิตได้ โดยทั่วไป  การหมดสติแบ่งออกเป็น 2 ประเภท  คือ การหมดสติพร้อมกับมีอาการหายใจลำบาก (หรืออาจหยุดหายใจ) และการหมดสติแต่ยังมีการหายใจ   ซึ่งแบ่งออกเป็นประเภทที่มีอาการชักร่วมด้วย ได้แก่ ลมบ้าหมู ซึ่งเกิดจากภาวะโลหิตเป็นพิษ  หรือเป็นการชักที่เกิดจากโรค เช่น โรคฮิสทีเรีย   เป็นต้น และประเภทที่ไม่มีอาการชักร่วมด้วย ได้แก่ การช็อค เป็นลม เมาเหล้า   เบาหวาน หรือเส้นโลหิตในสมองแตก เป็นต้น ทั้งนี้   ลักษณะการหมดสติมี 2 ลักษณะคือ มีอาการซึม มึนงง เขย่าตัวอาจตื่น  งัวเงียแล้วหลับ  พูดได้บ้างแต่ฟังไม่ได้ศัพท์ และลักษณะอาการหมดความรู้สึกทุกอย่างเป็นการหมดความรู้สึกอย่างสมบูรณ์   แม้แต่เขย่าตัวก็ไม่ฟื้น
                
การปฐมพยาบาลผู้ป่วยหมดสติ
นั้นผู้ให้การปฐมพยาบาลจะต้องดูว่าผู้ป่วยหายใจหรือไม่ ถ้าหยุดหายใจต้องทำการช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาหายใจให้ได้โดยเร็ว ถ้าผู้ป่วยมีเลือดออก ควรจับให้ผู้ป่วยนอนหงาย เอียงหน้าไปด้านใดด้านหนึ่ง  เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ลิ้นตกไปด้านหลังลำคอ ซึ่งจะเป็นการอุดกั้นทางเดินหายใจ และป้องกันไม่ให้อาเจียนไหลเข้าสู่หลอดลม ในส่วนของการจัดท่านอนนั้น ถ้าผู้ป่วยหน้าแดง ควรให้นอนศีรษะสูง ถ้าผู้ป่วยมีสีหน้าซีด ให้นอนราบเหยียดขาและแขน   เพราะอาจมีกระดูกหักได้ หากต้องการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง  ไม่ให้ดื่มน้ำหรือรับประทานยาใดๆ ตรวจดูบาดแผลโดยเฉพาะบริเวณศีรษะ หากมีอาการชักให้ม้วนผ้าดามช้อนใส่เข้าไประหว่างฟันเพื่อป้องกันไม่ให้กัดลิ้นตนเอง รวมถึงให้หาสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยหมดสติและประวัติการเกิดอุบัติเหตุของผู้ป่วย เพื่อแจ้งให้แพทย์ทราบ   

   การหมดสติ ไม่ใช่การนอนหลับ แต่การหมดสติ  คือ  อาการที่ไม่สามารถปลุกให้รู้สึกตัวหรืออาการที่ไม่สามารถรับรู้หรือตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ ข้อแตกต่างระหว่างการหมดสติ   และการนอนหลับ  ก็คือ การนอนหลับสามารถ "ปลุก" ได้ หากมีตัวกระตุ้นที่ดีพอ               เช่น   การเขย่าตัวแรงๆ หรือตะโกนดังๆ   แต่การหมดสติไม่สามารถปลุกได้  ทั้งนี้ การหมดสติอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น  จากการเจ็บป่วยบาดเจ็บ   หรือการตื่นตกใจที่รุนแรงก็ได้

            

ระดับการหมดสติ
                  
    การหมดสติ แบ่งออกเป็น
     - การหมดสติแบบระยะสั้น เช่น หน้ามืด    วิงเวียนศีรษะ เป็นลม
     - การหมดสติแบบระยะยาว ผู้ป่วยจะสามารถตอบสนองต่อการกระตุ้นได้บ้าง  หรือเป็นครั้งคราวเท่านั้น
     - การหมดสติแบบระยะยาวมาก ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกตัวอย่างสิ้นเชิง ร่างกายไม่มีการเคลื่อนไหว    และไม่สามารถรับรู้ถึงสิ่งแวดล้อมรอบตัวเป็นระยะเวลานานมาก

            

    สาเหตุของการหมดสติ
               
     - ได้รับสารคาร์บอนมอนออกไซด์เข้าสู่ร่างกาย               
     - ภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำ (Hypothermia)  คือ  ภาวะที่อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลงซึ่งเกิดจากการที่อยู่ในสภาพแวดล้อมหรือในน้ำที่มีความเย็นมากหรือเป็นเวลานาน
                             
                   - เป็นลม- ภาวะช็อค
                   - โรคลมบ้าหมู (Epilepsy)
                   - หน้ามืด หรือ ร่างกายอ่อนเพลีย
                   - หมดสติอันมีสาเหตุจากโรคเบาหวาน
                   - เลือดออกมาก
                   - ดื่มแอลกอฮอล์ (เมา)
                   - ใช้ยาเกินขนาด
                   - ได้รับสารพิษต่างๆ
                   - ศีรษะได้รับบาดเจ็บหรือกระทบกระเทือน
                   - ปริมาณน้ำตาลในเลือดต่ำ
                   - อัตราการเต้นของหัวใจช้าหรือเร็วผิดปกติ
                   - ภาวะหัวใจวาย
                   - ผลข้างเคียงจากการใช้ยา
                   - โรคลิ้นหัวใจรั่ว

            

     เมื่อพบผู้ที่หมดสติ  ให้หาดูว่าผู้ป่วยได้เก็บบันทึกรายละเอียดอาการป่วยของตนเองไว้ที่ใดในร่างกายบ้างหรือไม่   เช่น  ตรวจดูบริเวณกำไลข้อมือ สร้อยคอ ในกระเป๋าเงิน   บนบัตรต่างๆ    ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะระบุข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อใช้ในการปฐมพยาบาลผู้ป่วยหมดสติได้อย่างถูกต้อง            

            

การปฐมพยาบาลผู้ป่วยหมดสติ
              
   1. เมื่อผู้ป่วยหยุดหายใจ และชีพจรหยุดเต้น
              
   ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันที จากนั้นให้ดำเนินการปฐมพยาบาลเบื้องต้น   โดยทำการช่วยหายใจ โดยวิธี CPR (Cardiopulmonary Resuscitation) ด้วยการปั๊มหัวใจและผายปอด
(Mouth-to-Mouth) ให้แก่ผู้บาดเจ็บ ซึ่งจะช่วยให้เลือดได้รับออกซิเจนเพิ่มมากขึ้นและมีการไหลเวียนเข้าสู่สมองและอวัยวะสำคัญอื่นๆ
    ก่อนที่จะถึงมือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้ ในกรณีที่ศีรษะ ลำคอหรือหลังของผู้บาดเจ็บได้รับการบาดเจ็บด้วย
     ผู้ให้การปฐมพยาบาลจะต้องระมัดระวังไม่ให้ศีรษะ ลำคอหรือหลังของผู้บาดเจ็บมีการเคลื่อนไหว   ซึ่งทำได้โดยดึงขากรรไกรล่างหรือคางของผู้บาดเจ็บไปข้างหน้าเพื่อเปิดทางให้อากาศเดินทางเข้าได้สะดวก
                                                                                                    
              
    2. เมื่อผู้ป่วยหยุดหายใจ แต่ชีพจรยังคงเต้นอยู่
              
     ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันที จากนั้นให้ดำเนินการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยทำการผายปอดเพื่อช่วยให้ออกซิเจนไหลเข้าไปที่ปอดของผู้บาดเจ็บและให้ปฏิบัติเช่นนี้ไปจนกระทั่งผู้บาดเจ็บสามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง หรือจนกว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเดินทางมาถึง ทั้งนี้ ต้องควบคุมศีรษะ ลำคอหรือหลังของผู้บาดเจ็บให้ไม่มีการเคลื่อนไหวเช่นกัน

   
    3. เมื่อผู้ป่วยมีการบาดเจ็บที่ศีรษะ หรือลำคอ

       ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันที  จากนั้นให้ดำเนินการปฐมพยาบาลเบื้องต้น  โดยให้ดำเนินการตามวิธีการปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บที่ศีรษะ   และลำคอ/หลัง
              
   ข้อควรจำ: ในกรณีที่ไม่แน่ใจว่าลำคอหรือหลังของผู้บาดเจ็บได้รับการบาดเจ็บด้วยหรือไม่      ห้ามทำให้ลำคอหรือหลังของผู้บาดเจ็บมีการเคลื่อนไหวอย่างเด็ดขาดจนกว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเดินทางมาถึง (นอกจากจำเป็นต้องมีการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บออกจากบริเวณที่มีความเสี่ยงอันตรายเท่านั้น) การเคลื่อนไหวของศีรษะ ลำคอหรือหลังอาจทำให้ผู้บาดเจ็บเป็นอัมพาตหรือเสียชีวิตได้ ในกรณีที่จำเป็นต้องเคลื่อนย้าย  ให้ใช้มือทั้งสองข้างจับไปที่ศีรษะทั้งสองข้างของผู้บาดเจ็บ  โดยให้ศีรษะ ลำคอหรือหลังของผู้บาดเจ็บมีการเคลื่อนไหวน้อยที่สุด

            
     4. เมื่อผู้ป่วยมีเลือดออกเป็นจำนวนมาก

        ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันทีจากนั้นให้ดำเนินการปฐมพยาบาลเบื้องต้น  โดยให้ดำเนินการตามวิธีการปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บที่มีเลือดออกหรือการห้ามเลือด

    5. เมื่อผู้ป่วยมีอาการต่อไปนี้ก่อนการหมดสติ (อาการของปฏิกิริยาตอบสนองต่ออินซูลิน               หรือปริมาณน้ำตาลในเลือดต่ำ)

                    - ควบคุมร่างกายไม่ได้
                    - โกรธง่าย อารมณ์ฉุนเฉียวตลอดเวลา
                    - สับสน มึนงง
                    - ร่างกายซีดเผือด
                    - เหงื่อออกมาก
                    - ตัวสั่น ใจสั่น
                    - เป็นลม ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันที จากนั้นให้ดำเนินการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดย
                    - นำน้ำตาลปริมาณหนึ่งวางไว้ใต้ลิ้นของผู้ป่วย จากนั้นตรวจดูว่าในกระเป๋าของผู้ป่วยมียาหรือวัตถุให้ความหวานหรือไม่ ซึ่งผู้ป่วยอาจเก็บสำรองไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน และถ้ามี ให้นำไปใส่ไว้ใต้ลิ้นของผู้ป่วย
              
                                   

                    - ทำให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกมากที่สุด
                    - ให้ผู้ป่วยนอนตะแคง
                    - ห้ามให้ดื่มน้ำหรือของเหลวใดๆ  ทั้งสิ้น

            

      6. เมื่อผู้ป่วยมีอาการต่อไปนี้               
              
          ซึ่งเป็นสัญญาณของการหมดสติจากโรคเบาหวาน
                   - ชีพจรเต้นเร็วหรือช้าผิดปกติ
                   - หายใจถี่และลึก
                   - ตัวอุ่น ผิวแห้งและมีสีแดงเรื่อ
                   - ได้กลิ่นต่างๆ คล้ายผลไม้ เช่น น้ำองุ่น หรือ คล้ายน้ำยาล้างเล็บ (อาซิโตน)
                   - อาเจียน
          ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันที หรือนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล

     
     7. เมื่อผู้ป่วยถูกแมลงหรือสัตว์กัดต่อย

              
         ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันทีจากนั้นให้ดำเนินการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยให้ดูว่าผู้บาดเจ็บได้รับการกัดหรือต่อยโดยแมลงหรือสัตว์ชนิดใด ตลอดจนดูลักษณะของบาดแผลที่เกิดขึ้น  โดยให้ดำเนินตามวิธีการปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บที่ถูกแมลงกัดหรือต่อย            

            

     8. เมื่อเขย่าตัวผู้ป่วยเป็นเวลา 2 นาทีแล้วผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัวหรือไม่มีการตอบรับใดๆแต่ยังมีการหายใจอยู่ และผู้ป่วยไม่ได้บาดเจ็บรุนแรง ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันที  จากนั้นให้ดำเนินการปฐมพยาบาลเบื้องต้น  โดยจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่หายใจได้สะดวกมากที่สุด  (Recovery Position)
                                
      9. เมื่อผู้ป่วยหน้ามืด วิงเวียน เป็นลม
                           
         ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันที   จากนั้นให้ดำเนินการปฐมพยาบาลเบื้องต้น  โดยให้ดำเนินตามวิธีการปฐมพยาบาลผู้ป่วยหน้ามืดหรือเป็นลม                                    
          การปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธีนั้น เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยทุกๆครั้งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยที่รุนแรงหรือการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะ"การหมดสติ"นั้น เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะจะสามารถนำไปสู่การเสียชีวิตได้ดังนั้นผู้ให้การปฐมพยาบาล จึงต้องปฏิบัติกับผู้ป่วยอย่างถูกวิธีและรวดเร็วทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น   


ข้อมูลจาก siamsafety  

บริษัท สยามเซฟตี้พลัส จำกัด อุปกรณ์เซฟตี้ |อุปกรณ์ความปลอดภัย|Safety Shoes  
กลับไปรายการกระดานข่าว

เพื่อนบ้าน :อุปกรณ์ความปลอดภัย,safety shoes,safety footwear,กลูต้า